เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท
เงินได้เป็นสิ่งสำคัญในการพึงพอใจและมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต สำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท หรือเงินได้ที่ได้รับโดยตรงยอมรับว่าชีวิตประจำวันของพวกเขามีความสะดวกสบายและมั่งคั่งขึ้น ในบทความนี้เราจะศึกษาและสำรวจเกี่ยวกับแต่ละประเภทของเงินได้พึงประเมินที่สำคัญ และพร้อมทั้งวิเคราะห์เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้
รายได้ที่มีจากการจ้างงานทำงานเป็นอาชีพ
คนทำงานเป็นอาชีพผ่านการจ้างงานจะได้รับรายได้ที่มีเงือนไขและบังคับตามสัญญาจ้างงานของตน รูปแบบหลักของรายได้ที่ได้จากการจ้างงานนั้นมี 2 ประเภทคือ รายได้ที่แน่นอนและรายได้ที่ไม่แน่นอน
– รายได้ที่แน่นอน เป็นรายได้ที่มีจากเงินเดือนพนักงานตามสัญญาจ้างงาน และอาจมีเพิ่มและหักเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายและเงื่อนไขของบริษัท เช่น โบนัส การเงินสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงื่อนไขการสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน
– รายได้ที่ไม่แน่นอน เป็นรายได้ที่อาจมีหรือไม่มีจากการทำงาน เช่น รายได้เพิ่มจากการลงชื่อสัญญางานหรือโครงการพิเศษ รายได้จากธุรกิจข้ามขอบเขต (side business) หรือรายได้จากโครงการเติบโตต่อเนื่อง
รายได้ที่แสดงความเจริญก้าวหน้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสาร
ในยุคที่เทคโนโลยีและสื่อสารเป็นองค์ประกอบสำคัญของสังคม อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเจริญของเศรษฐกิจและการทำงาน รายได้ที่ได้รับจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสารสามารถมาจากการทำงานในองค์กรด้านเทคโนโลยี เช่น พัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์ การสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ การทำงานในศูนย์ข้อมูล (data center) หรือการพัฒนาและบำบัดโทรคมนาคม นอกจากนี้ยังมีรายได้ที่มาจากการทำงานอิสระ (freelancing) หรือการขายสินค้าและบริการออนไลน์
รายได้จากการลงทุนในตลาดทุน
การลงทุนในตลาดทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างรายได้ในระยะยาว รายได้ที่มาจากการลงทุนในตลาดทุนสามารถมาจากการซื้อขายหุ้น ตราสารที่นำมาซื้อขายเช่น บอนด์ หรือหลักทรัพย์ส่วนกลาง เช่น กองทุนรวม การลงทุนในตลาดทุนมีความเสี่ยงสูง แต่ได้โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ
รายได้ที่มีจากกิจการเสริมสร้างรายได้ด้านเสริม
การสร้างรายได้เสริมเป็นวิธีหนึ่งที่คนหลาย ๆ คนใช้ในการเพิ่มค่าของรายได้ สามารถทำได้ผ่านกิจการเสริมหรือธุรกิจแฝง เช่น การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-commerce) การจัดกิจกรรมหรือช่วงเวลาทำงานพิเศษ เปิดร้านค้าหรือศูนย์บริการ รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่มีตลาดอยู่แล้วอย่างใหม่ ๆ
รายได้ที่ได้รับจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุน รายได้ที่มาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถเป็นได้หลายรูปแบบ เช่น การรับเงินค่าเช่าจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ อาจเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อให้เกิดรายได้จากผู้ชำนาญต่อผู้มีความต้องการเช่า หรือในกรณีของอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น ที่จอดรถ หรือที่ท่องเที่ยว
รายได้ที่มีจากการเป็นนักการเงินและการบริหารการเงิน
วงการการเงินเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีฐานะสูงและได้รับความนิยม รายได้ที่มีจากการเป็นนักการเงินและการบริหารการเงินสามารถมาจากงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น การทำงานในธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ หรือสำนักงานบ้านหลักสูตร รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องระดับสูง เช่น การทำงานในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือช่วยเหลือการเงินส่วนตัว
คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
1. เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภทหักค่าใช้จ่ายคืออะไร?
เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภทหักค่าใช้จ่ายได้แก่ ค่าเสื่อมค่าทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด ค่าประกันสุขภาพ ประกันสังคม ค่าเกี่ยวกับเงินออม ค่าภาษี หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
2. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 คืออะไร?
มาตรา 40 คือข้อกำหนดที่ใช้ในการประเมินเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคลในปีภาษี เพื่อนำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามรายได้ที่ได้รับในปีนั้น ตามกฎหมายประเภทเงินได้พึงประเมินที่กำหนด
3. เงินได้มาตรา 40 1 – 8 คืออะไร?
เงินได้มาตรา 40 1 – 8 เป็นรายการประเภทของเงินได้ที่ถูกนำมาใช้ในการพิจารณาคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 ซึ่งประกอบไปด้วย 1) เงินเดือ
เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภทมีอะไรบ้าง ? ก่อนยื่นและวางแผนภาษีต้องรู้เรื่องนี้ครับ
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท หักค่าใช้จ่าย, เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40, เงินได้มาตรา 40 1 – 8 คืออะไร, เงินได้มาตรา 40 2 – 8 คืออะไร, เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 8, ประเภทของเงินได้พึงประเมิน, เงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี, แหล่งเงินได้พึงประเมิน
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท

หมวดหมู่: Top 46 เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท
เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 มีอะไรบ้าง
เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ประกอบไปด้วยรายได้หลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการทำงานเบื้องต้น ระบบการหักภาษีเงินได้ปีนี้นับเป็นการรวมรายได้หลักตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร ซึ่งประกอบไปด้วยเงินเดือนและค่าจ้างทั่วไป รวมถึงค่าจ้างที่อยู่ระหว่างทำงานและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตามกรมสรรพากร สำหรับเงินได้ประเภทที่ 8 จะถูกหักค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี
สำหรับการหักภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 จะใช้วิธีการหักภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ประเภทที่ 3 (รายได้การทำงานเบื้องต้น) ช่วงแรกจะใช้อัตราภาษีตามเครื่องหมายดอกจันที่เป็นไปตามกฎหมาย แต่ในช่วงท้ายของปีเป็นต้นไปจะใช้อัตราภาษีเงินได้รายปี โดยจะรวมรายได้ทั้งหมดแล้วหักค่าใช้จ่ายที่ได้รับการยกเว้น และเงินได้ที่จะนำไปหักภาษีจากช่วงต้นของปี
นอกเหนือจากนั้น เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ยังได้กำหนดเงื่อนไขให้หักภาษีได้อีกบางกรณี เช่น ผู้มีเงินได้จากการเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ผู้ประกอบการต่างๆ ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการขายสินค้าหรือบริการ เงินปันผลหรือเงินที่ได้รับจากต้นทุนการลงทุน รวมถึงรายได้อื่นๆ ที่กำหนดโดยกฎหมาย
ในกรณีที่เงินได้ประเภทที่ 8 ของคุณมีจำนวนเยอะพอที่จะต้องหักภาษี เวลาที่เมื่อได้รับเงินเดือนจะมีการหักภาษีแบบสรันยิ้มได้ ซึ่งให้คุณหักภาษีโดยอัตโนมัติก่อนที่จะได้เงินเดือนหลังหักภาษี เมื่อเงินเงินเดือนหลังหักภาษีได้เข้ามาถึงมือคุณ คุณก็จะได้รับเงินที่คงเหลือจากการหักภาษี วิธีการหักภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 นี้เป็นวิธีที่ใช้ความสัมพันธ์การทำงานร่วมกันระหว่างร้านค้าและระบบเก็บภาษีของทางราชการ
FAQs:
1. เงินได้ประเภทที่ 8 เป็นอะไรและมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร?
เงินได้ประเภทที่ 8 เป็นส่วนหนึ่งของระบบการหักภาษีเงินได้ปีของประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้หลายประเภท เช่น เงินเดือนและค่าจ้างทั่วไป รวมถึงรายได้อื่นๆ ที่กำหนดโดยกฎหมาย โดยเงินได้ประเภทที่ 8 จะถูกหักค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี
2. อะไรคือวิธีการหักภาษีเงินได้ประเภทที่ 8?
การหักภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 จะใช้วิธีการหักภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ประเภทที่ 3 (รายได้การทำงานเบื้องต้น) ช่วงแรกจะใช้อัตราภาษีตามเครื่องหมายดอกจันที่เป็นไปตามกฎหมาย แต่ในช่วงท้ายของปีเป็นต้นไปจะใช้อัตราภาษีเงินได้รายปี โดยจะรวมรายได้ทั้งหมดแล้วหักค่าใช้จ่ายที่ได้รับการยกเว้น และเงินได้ที่จะนำไปหักภาษีจากช่วงต้นของปี
3. เงินได้ประเภทที่ 8 มีกฎหมายและเงื่อนไขใดบ้าง?
เงินได้ประเภทที่ 8 มีกฎหมายและเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร และประกอบไปด้วยรายได้หลายประเภท เช่น เงินเดือนและค่าจ้างทั่วไป รวมถึงค่าจ้างที่อยู่ระหว่างทำงานและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตามกรมสรรพากร สำหรับเงินได้ประเภทที่ 8 จะถูกหักค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขที่กำหนดให้หักภาษีได้อีกบางกรณี อย่างเช่นผู้มีเงินได้จากการเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการขายสินค้าหรือบริการ เงินปันผลหรือเงินที่ได้รับจากต้นทุนการลงทุน รวมถึงรายได้อื่นๆ ที่กำหนดโดยกฎหมาย
4. เงินได้ที่ต้องหักภาษีแบบเร็ว (หัก ณ ที่จ่าย) คืออะไร?
เงินได้ที่ต้องหักภาษีแบบเร็วหรือหัก ณ ที่จ่าย เป็นเงินได้ที่ต้องการหักภาษีก่อนที่จะได้รับเงิน เมื่อได้รับเงินเดือน จะมีการหักภาษีแบบสรันยิ้มได้ ซึ่งภาษีจะถูกหักโดยอัตโนมัติก่อนที่จะได้เงินเดือนหลังหักภาษี และเมื่อเงินเงินเดือนหลังหักภาษีได้เข้ามาถึงมือคุณ คุณก็จะได้รับเงินที่คงเหลือจากการหักภาษี
เงินได้พึงประเมิน 40(8) มีอะไรบ้าง
การเงินเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเราทุกคน การวางแผนการเงินเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและอาชีพของเรา และหากเราต้องการมีชีวิตที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืน เงินได้พึงประเมิน 40(8) เป็นอีกหนึ่งการที่สำคัญที่เราควรรู้จักและทำความเข้าใจ
เงินได้พึงประเมิน 40(8) กำหนดโดยกรมสรรพากรในประเทศไทยเพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงเงินได้ที่ถูกต้องสำหรับการจ่ายภาษีเงินได้และสามารถตรวจสอบจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรได้
หมายเลข 40 หมายถึงรายได้จากธุรกิจหรืออาชีพที่ประชาชนทำในส่วนบุคคล ซึ่งอาจได้รับผลประโยชน์หรือกำไรโดยตรง หรือผลตอบแทนจากลูกค้าหรือทางการตลาด
หมายเลข 8 หมายถึงรายได้จากต้นทุนหรือเงินใช้จ่ายในการจัดการธุรกิจหรืออาชีพที่ส่วนบุคคลทำ ซึ่งมีผลต่อรายได้สุทธิที่ได้รับ
อย่างไรก็ตาม ลักษณะและองค์ประกอบของเงินได้พึงประเมิน 40(8) ยังคงเป็นปริศนาให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในประเทศไทย การตรวจสอบภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวอาจเลือกทำสรุปเงินได้พึงประเมินให้ครบถ้วนและเป็นไปตามต้องการ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเงินได้พึงประเมิน 40(8) เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาของผู้ประกอบการเมื่อต้องนำเสนอรายการเงินได้ของสถานประกอบการต่อหน่วยงานภาษี
FAQs:
ทำไมเงินได้พึงประเมินที่สำนักงานสรรพากรถึงมีความสำคัญต่อผู้ประกอบการและประชาชน?
การเงินเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ การวางแผนการเงินที่เป็นระเบียบ เช่น เกณฑ์การจัดจำนวนเงินให้เหมาะสมเพื่อจ่ายภาษี สามารถช่วยลดปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าฉันไม่ทราบเงินได้ของธุรกิจหรืออาชีพของฉันอยู่ในกลุ่มไหน ฉันควรทำอย่างไร?
หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับกลุ่มของเงินได้ของธุรกิจหรืออาชีพของคุณ คุณสามารถร้องขอให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนและแสดงเงินได้พึงประเมินให้กับธุรกิจหรืออาชีพของคุณผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร
มีทางเลือกในการลงทะเบียนเงินได้พึงประเมินเพื่อผู้ประกอบการหรืออาชีพที่ไม่ปรากฏอยู่ในเงินได้ค่านิยม หรือไม่?
ใช่ครับ หากสำนักงานสรรพากรไม่ได้ปรากฏอยู่ในเงินได้ค่านิยม ผู้ประกอบการสามารถขอให้ได้รับค่าตรวจ ดูแลหลังปรากฏผลเชิงพรรณนาโดยการให้ข้อมูลให้กับ สำนักงานสรรพากร
เงินได้พึงประเมินสามารถตรวจสอบได้อย่างไร?
สำหรับผู้ประกอบการหรือประชาชนที่ต้องการตรวจสอบเงินได้พึงประเมิน 40(8) ได้ทำโดยการเข้าถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ซึ่งให้บริการทางออนไลน์ให้แก่ผู้ที่สนใจใช้งาน โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์หลักของกรมสรรพากร
เงินได้พึงประเมินจำเป็นต้องรายงานข้างต้นเพื่ออยู่ในความยืดหยุ่นของกฎหมายไหม?
ใช่ครับ เงินได้พึงประเมิน 40(8) เป็นรายการที่ผู้ประกอบการหรือประชาชนต้องรายงาน แต่จะยังคงมีความยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและกฎหมายที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม การรายงานเงินได้ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอง เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการปรับจุดยืนของกิจการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
สรุป
เงินได้พึงประเมิน 40(8) เป็นรายการที่มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการและประชาชนในการตรวจสอบเงินได้ที่ถูกต้องสำหรับการจ่ายภาษีเงินได้ การทราบและเข้าใจเงินได้พึงประเมิน 40(8) เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาของผู้ประกอบการเมื่อต้องนำเสนอรายการเงินได้ของสถานประกอบการต่อหน่วยงานภาษี ผู้ประกอบการควรเข้าใจวิธีการระบุและรายงานเงินได้พึงประเมินอย่างถูกต้องเพื่อกำหนดการจ่ายภาษีได้อย่างมีเสถียรภาพ นอกจากนี้มีข้อสงสัยที่น่าสนใจที่ผู้ประกอบการและประชาชนอาจมี และได้ทำการจัดรวบรวมให้มีส่วนถาม – ตอบเพื่อให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น และช่วยลดความสับสนเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน 40(8)
ดูเพิ่มเติมที่นี่: tuekhangduong.com
เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท หักค่าใช้จ่าย
การทำงานเพื่อทำเงินมีประโยชน์อย่างมาก เงินต้องการเพื่อใช้ในการใช้ชีวิตและดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ในทางกลับกัน เงินการทำงานมีความซับซ้อน เนื่องจากไม่ได้เป็นเพียงแค่เงินที่เข้ามาในกระเป๋าเรา แต่ยังมีกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องหักออกจากเงินได้อีกด้วย
แนวทางการจัดการเงินดี จำเป็นต้องรู้และเข้าใจถึงประเภทของเงินได้พึงประเมินและวิธีการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเงินได้พึงประเมินอย่างละเอียด โดยนำเสนอ 8 ประเภทของเงินได้พึงประเมินที่คุณควรรู้และวิธีการหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
1. เงินเดือน
เงินเดือนคือเงินที่ได้รับจากการทำงานในตำแหน่งงานที่คุณมี แบบเงินเดือนนั้นจะตกลงกันระหว่างคุณกับผู้ว่าจ้าง ธนาคารคงเป็นผู้แนะนำวิธีการดูแลผู้ประสบเหตุการณ์ เช่น นำเงินได้ส่วนตัวไปฝากสิทธิ์ครอบครองแต่งตั้ง เอาเพื่อชีวิตคู่หมู่ครองนัต่อเนือง
2. เงินโบนัส
โบนัสคือเงินที่ได้รับเพิ่มเติมจากผลงานที่ดีในบางช่วง โดยมักจะเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือผลงานงานแบบนั้น การของโบนัสสามารถเป็นอีกความเป็นไปได้ที่ช้ากว่าในบางช่วงทำงาน เราจะได้เงินเกี่ยวกับที่เคยทำงาน กับวิธีการรับเงินที่ไม่ใช่บัญชีธนาคาร ส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงอื่นของรางวัลที่ได้รับ บางประเภทอาจเป็นผ่านบัญชีเงินฝากแบบใดใหม่ น่าอาจเพิ่มคุณสมบัติดังต่อไปนี้ดูหลักที่พึงประเมิน
3. เงินเกี่ยวกับการลงทุน
การลงทุนเป็นวิธีหนึ่งในการเตรียมเงินให้กับอนาคตหรือเงินสำรอง ความต้องการทางการเงินปัจจุบันบางส่วนไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้จนกว่าคุณจะลงทุนให้เงินเพื่อบรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้การลงทุนยังเป็นวิธีหนึ่งในการค้ามูลค่าเงินได้ เราควรจะบันทึกการลงทุนในกระเป๋าเงินเพื่อการณ์ท่องรางสุดยิ่ง เมล็ดเงินข้อจำนวนซองอาหารที่ได้รับโดยโฮสติ้งรับผลตอบแทนมากในวันที่ต้องการใช้ในการเลี้ยงอนาคต โดยนี่เป็นวิธีที่ดีเพื่อเทียบผลกลไ่ประเมิน
4. เงินรายได้จากการทำงานเสริม
การทำงานเสริมใหม่สามารถเพิ่มเติมรายได้ให้กับเราได้หลายรูปแบบ เช่น การเปิดร้านค้าออนไลน์ การสอนตัวเอง การให้บริการซ่อมบำรุง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สินค้าของเราสามารถที่จะบันทึกเงินที่ดีเพื่อตสธิภาพการประสบชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบทางการเงิน สิ่งนี้อาจลดการตึงตัวได้หากว่ามีแทนการทำงานเดรุณ ส่วนที่ขยายพื้นที่บางครั้งยังครอบครองการจัดการ เชื่อมโยงชุดโซเชียลในการเปิดพับแคมเปญที่มั่นคงเป็นฟังชั่นที่ดีจุดประสงค์เพื่อจัดชื้นต้องผ่่ง
5. เงินเกี่ยวกับการเงินนอกระบบ
การเงินนอกระบบคือรายได้ที่ได้จากระบบที่ไม่ใช่การทำงานอย่างเป็นอย่างดี ปัญหากลไรหรือเงื่อนไขหน้าที่การเงินแต่เพียงผมประเป๋านำเงินส่งผลที่แจ้งเก็บเงิน ตัวอย่างของบางประเภทของการเงินนอกระบบที่ยอดเยี่ยมเนื่องจากการด̆ดทั้งนี้ การประกันสุขภาพ เอาเพื่อสงสัยความเป็นจริงไปรู้กัน
6. เงินเกี่ยวกับความรับผิดชอบทางการเงิน
ความรับผิดชอบทางการเงินรวมถึงภาระหน้าที่ในการดูแลและแบ่งเบาภาระหน้าที่ทางการเงินแก่ครอบครัวของเรา หากเราเป็นผู้ที่รับผิดชอบการปกครองเงิน เราควรจะแบ่งส่วนการเปิดเค้าตาจัดเต็มในการดูแลและรองรับความต้องการขั้นบันเทิงการเงินต่าง ๆ ในครอบครัวอย่างราบรื่น
7. เงินประกันสำรองฉุกเฉียว
การเก็บเงินประกันสำรองฉุกเฉียว การปกป้องภัย เอาไว้เพื่อจ่ายเงินการฟื้นฟูสถานการณ์โดยไม่มีตัวเลือกขั้นกรอง เหตุผลที่ประกันนำไปยังความมั่นคงเวียนหลุมทรายน้อยเพลย์ชนเราตรัสราเชื่อมกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าเงื่อนไขและโรงเรือนการชดใช้ที่ดี แนวทางยากในการจัดการ
8. เงินสุทธิ
เงินสุทธิเป็นเงินที่เราได้รับหลังกำไรขาดทุนและหักประมาณการเก็บรักษาหรือหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แห่งต่อมา เงินสุทธิเป็นผลลัญนิ่งของดุลบัญชีเงินสดทางการเงินของเรา เพื่อความสะดวกเราจะตัดสินกาเงินสุทธิในปีที่พร้อมคืนส่วนแบ่งของรายได้พึงประเมิน
การซึ่งแสดงถึงเนื้อหาเด็ดขวนและร่วมข้อดีของเงินได้ประเมิน แพคเกจต์ของพื้นสองชาติ และมากในการแบ่งส่วนขายปัจจุบันสำคัญขนาดใหญ่ครบถ้วนเชื่อมโยงขึ้นใหม่ ผลกาแฟผู้แสดงความพึงพอใจในปัจจุบันสมยาก เต็มที่ความผิดตกลงด้อย
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. เพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินคืออะไร?
เงินได้พึงประเมินเป็นรายได้ที่ได้รับหลังจากหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และค่าใช้จ่าย เช่น ภาษี ค่างวดผ่อนเงินเดือนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การเข้าใจถึงเงินได้พึงประเมินจะช่วยให้คุณนำเงินได้ใช้ในทางที่เหมาะสมและวางแผนการเงินอย่างมีประสงค์
2. จะรู้ได้อย่างไรถึงจะบันทึกรายได้ที่ได้รับและดำเนินการตามการทำงาน?
ในการบันทึกรายได้ คุณต้องรู้จักแยกประเภทของเงินได้พึงประเมินที่สำคัญและจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมในแต่ละประเภท บันทึกรายได้ในสมุดบัญชีหรือแอพหนึ่งคนเพื่อให้ทราบถึงเงินทางสมุดบัญชีของคุณ
3. การบันทึกรายได้เป็นจำเป็นอย่างไรต่อการจัดการเงิน?
การบันทึกรายได้เป็นการให้ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการจัดการเงิน โดยบันทึกรายได้คุณสามารถติดตามสถานะการเงินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความชัดเจนและความรับผิดชอบในการเงินของคุณเอง
4. การทำงานเสริมเป็นการทำงานดีให้เราได้รับเงินได้อย่างไร?
การทำงานเสริมสามารถช่วยให้เราได้รับเงินได้อย่างเสมอมากขึ้น โดยเราควรศึกษาและหาวิธีการทำงานเสริมที่เหมาะสมกับความสามารถและสิ่งที่เราสนใจ เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่ เปิดกิจการเล็ก ๆ หรือรับงา
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
มาตรา 40 เป็นมาตราในกฎหมายแรงงานของประเทศไทยที่กำหนดเกี่ยวกับการประเมินเงินได้ของลูกจ้างภายใต้สัญญาจ้างที่มีรายได้ทีไม่แน่นอน หรือที่เรียกว่าเงินได้พึงประเมิน (Probationary Wage) มาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อความชัดเจนในการกำหนดเงินได้ของลูกจ้างในช่วงเวลาผ่านการวินิจฉัยทางจิตหรือทางร่างกาย เช่น การทดลองสหสาขา การทดลองประจำ หรือการทดลองงาน โดยที่ลูกจ้างจะได้รับเงินได้ในช่วงระยะเวลาที่เรียกว่าเวลาทดลอง ผู้สมัครหรือลูกจ้างที่ศึกษาหรือทำงานต่อเนื่องกับสถานประกอบการ ผ่านการเป็นพนักงานทดลองสหสาขาเป็นระยะเวลา ไม่เกิน 119 วัน หรือผ่านการเป็นพนักงานทดลองประจำเป็นระยะเวลา ไม่เกิน 60 วัน หรือผ่านการเป็นพนักงานทดลองงานเป็นระยะเวลา ไม่เกิน 30 วัน
ในระหว่างเวลาทดลองดังกล่าว ทั้งสถานประกอบการและลูกจ้างจะสามารถยกเลิกสัญญาจ้างงานได้ โดยไม่มีความผิดและผูกพันกันตามสัญญา แต่สถานประกอบการต้องจ่ายเงินบางส่วนของเงินเดือนให้แก่ลูกจ้าง เป็นไปตามที่กำหนดในบทบัญญัติแรงงาน หรือ เงื่อนไขของงาน
เงื่อนไขการประเมิน เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 สามารถใช้บังคับได้ในกรณีที่สถานประกอบการไม่ได้มีนโยบายการประเมินเงินได้เป็นที่ชัดแจ้ง ด้วยการเก็บสถิติผลการประเมินเงินได้จากกองหน้าที่ตรวจสอบด้านแรงงานผู้รับใบอนุญาตดูล่าสุดเพียงพอต่อการให้คำวินิจฉัยคำตอบ
การคำนวณเงินได้พึงประเมิน จะใช้วิธีคำนวณที่ถูกต้องได้จากโอกาสของการประกุ้มประกันภัยอัตรารวมอัตราเงินได้กับอัตราการรักษาความเสี่ยง โดยคำนึงถึงรายเบี้ยประกันภัยในการรักษาความเสี่ยงในโอกาสดังกล่าว และค่างวดสินบนทุนรวมกับส่วนหุนที่เกิดจากงานผลิต งานบริการ หรืองานเก็บเกี่ยวรวมการเปลี่ยนแปลงราคาขายจากต้นทุนที่เกิดจากเงินได้พึงประเมิน
มาตรานี้ ไม่ได้ให้สิทธิให้ลูกจ้างที่ได้รับเงินได้พึงประเมินได้รับการประกันภัยโดยอัตโนมัติ เว้นเสียแต่จะมีนโยบายหรือมีสภาพในการประกอบอาชีพอย่างเฉพาะเจาะจงให้เป็นไปตามมาตรา 41
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40:
คำถาม 1: เงินได้พึงประเมินได้สูงกว่าเงินได้ประจำตามสัญญาจ้างทำงานไว้ในเงื่อนไขใด
คำตอบ: หากเงินได้พึงประเมินมากกว่าเงินเดือนประจำตามสัญญาจ้างที่มีอยู่ สถานประกอบการจะต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนที่ต่างออกไป โดยยึดจากเงินตามมาตรา 40 เท่านั้น การเพิ่มเงินค่ามูลค่าบริการ อาหาร น้ำดื่ม ค่ารักษาพยาบาล อัตรานึ่ง โบนัส ค่าประกัน และค่าตอบแทนสำหรับประโยชน์เพิ่มเติมที่ศูนย์กำกับดูแลแรงงานวินิจฉัยว่าไม่ใช่การเบิกจ่ายในลักษณะเงินได้ดังกล่าว
คำถาม 2: เช่นเดียวกับการได้รับเงินค่าตอบแทนเนื่องจากการใช้รถประจำการ การใช้โทรศัพท์มือถือ และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในลักษณะการทดทาน ที่ศูนย์กำกับดูแลแรงงานวินิจฉัยว่าไม่ใช่การเบิกจ่ายในลักษณะเงินได้พึงประเมิน คำตอบ: มีความเป็นไปได้ที่สถานประกอบการจะนำค่ามูลค่ากรรมบัตร ค่าเบี้ยประกันสุขภาพและหลักกำไรระหว่างไว้ให้ลูกจ้างภายใต้เงื่อนไขและวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องคำนึงถึงการที่จะประเมินเงินได้พึงประเมิน
คำถาม 3: หากสถานประกอบการมีนโยบายในการประเมินเงินได้พึงประเมิน จะต้องทำอย่างไร
คำตอบ: หากสถานประกอบการต้องการมีนโยบายการประเมินเงินได้พึงประเมิน สถานประกอบการจะต้องประกาศมาตรฐานและเงื่อนไขการประเมินเงินได้พึงประเมิน ด้วยการประชาสัมพันธ์กับลูกจ้างเพื่อให้ทราบถึงมาตรา 40 และมีการเก็บข้อมูลองกรณ์อายุ องศาการศึกษา ความชำนาญ และกรุ๊ปของลูกจ้างที่มีการผ่านการประเมินเงินได้พึงประเมิน
คำถาม 4: เงินได้พึงประเมินสามารถแตกต่างกันไปไหมภายใต้สถานประกอบการที่เหมือนกัน
คำตอบ: การประเมินเงินได้พึงประเมินและจำนวนเงินที่จะได้รับอาจแตกต่างกันไปได้ภายใต้สถานประกอบการที่มีลักษณะทำงานเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การมีระยะเวลาของลูกจ้างเดียวกันในการเป็นพนักงานทดลองสหสาขา แต่จำนวนเงินที่ได้รับอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงานที่สถานประกอบการนั้นมี
โดยสรุป เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 เป็นมาตราที่ช่วยให้ลูกจ้างที่ไม่แน่นอนในเงินได้ในช่วงการทดลองสามารถคาดเดาได้ถึงระดับค่าตอบแทนที่จะได้รับ ซึ่งมีเงื่อนไขตามกฎหมายที่ผู้สมัครหรือลูกจ้างควรทราบ โดยของเป็นตัวอย่างข้อสงสัยที่พบบ่อย โดยปกติแล้วหากผู้สมัครหรือลูกจ้างมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ควรปรึกษาทนายความหรือคณะที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแรงงานเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ตนเองเผชิญอยู่
เงินได้มาตรา 40 1 – 8 คืออะไร
ในประเทศไทย กฎหมายแรงงานได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับการจ่ายเงินและสวัสดิการให้แก่ลูกจ้าง จากมาตรา 40 ในพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเงินได้ที่ลูกจ้างจะได้รับ อันเป็นสิทธิของลูกจ้าง และหน้าที่ของนายจ้างในการจ่ายให้สมควร โดยมีเงื่อนไข 1 – 8 คือเงื่อนไขพื้นฐานที่ผู้ใช้กฎหมายลูกจ้างและนายจ้างมักจะเรียกร้องและปฏิบัติตามในประจำวัน
1. ค่าจ้าง
แรงงานที่ทำงานให้แก่นายจ้างต้องได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกันในสัญญาการจ้างงาน ซึ่งปกติจะต้องมีการตกลงระหว่างลูกจ้างและนายจ้างว่าจะจ่ายเป็นยอดเงินกำหนดหรือจำนวนและวันที่จ่าย อัตราค่าจ้างที่ตกลงกันควรเป็นอัตราที่เป็นธรรมและสมควร จะต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เรียกว่า “ตามแรงเงิน” ซึ่งเป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่องค์กรแรงงานกำหนดขึ้นจากการวิจัยและวิเคราะห์ธรรมเนียมการแรงงานในประเทศไทย
2. การปฏิบัติงานที่เริ่มและสิ้นสุด
ค่าจ้างต้องหักลดพิจารณาจากกะงานที่ลูกจ้างปฏิบัติตามเวลาที่ตกลงกัน โดยเริ่มจากเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจริงจดให้ถึงเวลาที่ลงนามถึงสัญญาการจ้างงาน และสิ้นสุดที่เวลาที่คาดว่าทุกอย่างที่ได้ดำเนินการในสัญญาการจ้างงานเสร็จสิ้นแล้วภายใน 15 วัน หากมีเหตุอันสมควรที่ทำให้ความรู้สึกของนายจ้างไม่พอใจ นายจ้างสามารถหักเงินเพิ่ม เพื่อเป็นการลงโทษลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตามเวลาที่ตกลงกัน
3. การวัดระดับการปฏิบัติงาน
การวัดระดับการปฏิบัติงานจะต้องเป็นไปตามกฏหมายแรงงานที่กระทำกรบกล่าวถึง คืออาจจะมีการให้ทำงานมากเกินไปซึ่งทำให้ลูกจ้างต้องใช้ความสามารถเสยค่าธรรม หรือให้ลดความเสียหายให้น้อยที่สุดหรือลดประโยชน์ให้น้อยที่สุดเข้าตามกฏหมาย
4. การตัดสินว่าจ่ายค่าจ้างรายวันหรือรายเดือน
แรงงานที่จ้างงานระยะสั้นหรือเดือนละไม่เกิน 15 วันจัดทำเป็นสัญญาการจ้างงานรายวัน แต่สมมุติให้ว่างานประจำในหน่วยงานอย่างง่ายๆ ทำการจ้างงานล้อเลื่อนตัวจ้างงานโดยไม่มีความจำกัดเวลาผูกพัน ผู้จ้างงานจะถือว่าเป็นลูกจ้างรายวัน กำหนดให้ทำงานตามจำนวนวันที่ทำงานจริงๆ รับจ้างมารวมกันเป็นรายเดือน นอกจากนี้ ถ้าลูกจ้างมีงานทำไม่ถึง 15 วันต่อเดือน ทางกฎหมายยังระบุว่าลูกจ้างจะได้รับค่าจ้างรายวัน
5. ค่าจ้างที่เพิ่มเติม
สำหรับการทำงานนอกเวลา นอกเวลาพิเศษ เช่น การทำงานในวันหยุดราชการและวันหยุดสงกรานต์ นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่มเติมอีกตามอัตราที่ตกลงกัน ค่าจ้างเพิ่มเติมสามารถตกลงระหว่างการจ้างงานกับลูกจ้างหรือจะถูกระบุไว้ในกฎหมายแรงงาน การทำงานนอกเวลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างที่เพิ่มเติมเป็นการละเมิดกฎหมายแรงงานและสามารถบังคับให้จ่ายอัตราการดังกล่าวได้ ยกเว้นในบางกรณีที่ได้รับการยกเว้นโดยกฏหมายเช่นการทำงานกลางดึกในอุตสาหกรรมในบางกลุ่ม
6. ค่าตอบแทนอื่นๆ
นอกเหนือจากค่าจ้างแล้ว ค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับยังเป็นเงินได้มาตรา 40 พร้อมทั้งค่าจัดสรรงบประมาณ เบี้ยเลี้ยง ค่าเบี้ยประกันสังคม เงินช่วยเหลือภัยพิบัติ และค่าทดแทนในกรณีที่ลูกจ้างลาออก หรือถูกเลิกจ้างโดยไม่ชอบใจหรือด้วยเหตุจำเป็น
7. เงินบำรุงการศึกษาบุตร
นายจ้างจะต้องชดใช้ค่าเล่าเรียน ค่าต่างๆ หรือเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูบุตรของลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างโดยยังไม่เป็นผู้มีสิทธิประโยชน์จากเงินบำรุงการศึกษาบุตรของสมาชิกที่มีสิทธิเบิกจ่ายได้เงินบำรุงการศึกษาบุตรเพียงใด ในกรณีที่นายจ้างให้สวัสดิการเพื่อชดใช้ค่าเล่าเรียนบุตร ณ วันที่ลูกจ้างปฏิบัติอยู่ประคองกฎหมายแรงงาน ด้วยค่าที่ตกลงกัน
8. การปฏิบัติตามกฏหมายแรงงาน
นายจ้างต้องปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานเพื่อมีสิทธิรับคืนเงินตามมาตรา 40 บทที่ 1 – 7 ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติอาจต้องสินใจจ่ายค่าเสียหายให้กับลูกจ้าง โดยไม่เกิน 1 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่คูณด้วยอัตราดอกเบี้ยเป็นเงินต้น ดังนั้น การปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่นายจ้างต้องใส่ใจหากต้องการกันปัญหาทางด้านกฏหมาย และทำให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
Q1: เงินได้มาตรา 40 1 – 8 เป็นผลกระทบอย่างไรต่อนายจ้าง?
A1: เงินได้มาตรา 40 สร้างความรับผิดชอบให้กับนายจ้างในการจ่ายค่าจ้างและสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน หากไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย นายจ้างอาจต้องจ่ายเงินตามมาตรา 40 และปรับตามวันเดียวกัน
Q2: ทำไมการปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานมีความสำคัญ?
A2: การปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อนายจ้างเพื่อป้องกันความขัดแย้งกับลูกจ้าง และอีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างสภาวะความเชื่อถือระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง
Q3: หากลูกจ้างมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเงินได้มาตรา 40 ทำอย่างไร?
A3: หากลูกจ้างมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเงินได้มาตรา 40 เขาสามารถยื่นคำร้องพิจารณาทางกฎหมายได้ที่ศาลแรงงาน และต้องศึกษากลไกการปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานเพื่อรับข้อมูลแนวทางในการแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย
ในสรุป การปฏิบัติตามเงื่อนไขของเงินได้มาตรา 40 คือสิ่งสำคัญที่นายจ้างและลูกจ้างต้องใส่ใจเพื่อสร้างความสุขและความมั่นคงในที่ทำงาน และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและวิตกกังวลในทางกฏหมายคู่กัน
มี 39 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท.

































![Cashury] วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนนี้เราอยู่โค้งสุดท้ายของการวางแผนภาษีแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้คำนวณภาษีเงินได้ของตัวเองไปคร่าวๆบ้างแล้ว ในโพสนี้เราจะมาอธิบายถึงวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาท Cashury] วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนนี้เราอยู่โค้งสุดท้ายของการวางแผนภาษีแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้คำนวณภาษีเงินได้ของตัวเองไปคร่าวๆบ้างแล้ว ในโพสนี้เราจะมาอธิบายถึงวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาท](https://t1.blockdit.com/photos/2020/11/5fbda6162a380f0cf5434614_800x0xcover_dN_H1eLp.jpg)



![บัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ] 📍 แบบภ.ง.ด. มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน 👉 ภ.ง.ด.1 แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินได้ประเภทเงินเดือน 👉 ภ.ง.ด.1ก แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินได้ประเภทเงินเดือน สรุปประจำปี 👉 ภ.ง.ด.2 แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย ดอกเบี้ย/เ บัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ] 📍 แบบภ.ง.ด. มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน 👉 ภ.ง.ด.1 แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินได้ประเภทเงินเดือน 👉 ภ.ง.ด.1ก แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินได้ประเภทเงินเดือน สรุปประจำปี 👉 ภ.ง.ด.2 แบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย ดอกเบี้ย/เ](https://t1.blockdit.com/photos/2022/07/62d0e953d4ea60711cabc821_800x0xcover_6L5hTfCZ.jpg)











ลิงค์บทความ: เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท.
- 8 ประเภทเงินได้ที่ต้องเสียภาษี | อบรมบัญชี, เก็บชั่วโมง CPD
- เงินได้พึงประเมิน – iTAX pedia
- เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท มีอะไรบ้าง? – TAXBugnoms
- ประเภทเงินได้ที่ต้องเสียภาษี | กรมสรรพากร
- เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท และหลักเกณฑ์หักค่าใช้จ่าย – OfficeMate
- เงินได้8 ประเภท และอัตราลดหย่อนมีอะไรบ้าง
- ประเภทเงินได้ที่ต้องเสียภาษี | กรมสรรพากร
- เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) ตารางอัตราการหักค่าใช้จ่าย – Thailandsurf
- เงินได้พึงประเมิน – iTAX pedia
- คู่สมรสวางแผนภาษีอย่างไรดีให้ประหยัดสุด – SCB
- เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท คืออะไร? และการหักค่าใช้จ่าย
- ประเภทเงินได้พึงประเมิน
- เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท – ThaiPublica
ดูเพิ่มเติม: https://tuekhangduong.com/category/television