ภาษา C If Else
ในการเขียนโปรแกรมภาษา C ความสามารถในการตรวจสอบเงื่อนไขและทำงานตามที่กำหนดเป็นสิ่งที่หายไปไม่ได้เลย โดยโครงสร้างที่ใช้ในกรณีนี้คือ if else ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานแบบเลือกระหว่างสองทางเลือกได้อย่างกว้างขวางและยืดหยุ่นมากขึ้น
การใช้ if เงื่อนไขเดียวในภาษา C
โครงสร้าง if เงื่อนไขเดียวสามารถใช้เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขที่เป็นจริงหรือเท็จก่อนที่จะทำงานในบล็อคที่เขียนข้างใต้ เงื่อนไขนั้นอาจเป็นนิพจน์เงื่อนไขหรือการเปรียบเทียบค่าตัวแปรก็ได้
ตัวอย่างโดยเราจะทำการตรวจสอบว่าตัวเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามามากกว่า 10 หรือไม่
#include
int main() {
int number;
printf(“Enter a number: “);
scanf(“%d”, &number);
if (number > 10) {
printf(“The number is greater than 10.”);
}
return 0;
}
เมื่อโปรแกรมถูกเรียกใช้งาน จะแสดงข้อความ “Enter a number: ” เพื่อรอให้ผู้ใช้ป้อนตัวเลขเข้ามา เมื่อได้รับค่าแล้ว โปรแกรมจะทำการตรวจสอบว่าตัวเลขเป็นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริง โปรแกรมจะแสดงข้อความ “The number is greater than 10.” ออกทางหน้าจอ
การใช้ if else ในภาษา C เพื่อทำงานแบบทางเลือก
โครงสร้าง if else ถูกใช้เพื่อทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนด ในส่วนของ else ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดใน if ไม่เป็นจริง เงื่อนไขที่กำหนดใน else จะถูกปฏิบัติงานแทน
ตัวอย่างโดยเราจะทำการตรวจสอบว่าตัวเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นเรขาคณิตคู่หรือคี่
#include
int main() {
int number;
printf(“Enter a number: “);
scanf(“%d”, &number);
if(number % 2 == 0) {
printf(“The number is even.”);
}
else {
printf(“The number is odd.”);
}
return 0;
}
ในที่นี้เราใช้เครื่องหมาย modulo (%) เพื่อหารตัวเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาด้วย ถ้าผลหารไม่มีเศษเหลือ แสดงว่าเป็นเลขคู่ ถ้ามีเศษเหลือ แสดงว่าเป็นเลขคี่
การใช้ if else if ในภาษา C เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขหลายรูปแบบ
ถ้าเราต้องการตรวจสอบเงื่อนไขหลายๆ รูปแบบ โครงสร้าง if else if ถูกใช้ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเงื่อนไขตามลำดับ และเพียงเงื่อนไขเดียวที่เป็นจริงเท่านั้นจะถูกปฏิบัติงาน
ตัวอย่างโดยเราจะทำการตรวจสอบค่าที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาว่าอยู่ในช่วงเลขไหน
#include
int main() {
int number;
printf(“Enter a number: “);
scanf(“%d”, &number);
if(number < 0) {
printf("The number is negative.");
}
else if(number > 0) {
printf(“The number is positive.”);
}
else {
printf(“The number is zero.”);
}
return 0;
}
ในที่นี้เงื่อนไขแรก (number < 0) จะถูกตรวจสอบก่อน ถ้าเงื่อนไขนี้เป็นจริง โปรแกรมจะแสดงข้อความ "The number is negative." ออกทางหน้าจอ ถ้าไม่เป็นจริง เงื่อนไขถัดไป (number > 0) จะถูกตรวจสอบ และถ้าเป็นจริง โปรแกรมจะแสดงข้อความ “The number is positive.” ออกทางหน้าจอ หากไม่มีเงื่อนไขใดเป็นจริงโปรแกรมจะแสดงข้อความ “The number is zero.”
การใช้ nested if else ในภาษา C เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขที่ซ้อนลง
โครงสร้าง nested if else เป็นการใช้ if else ภายในของ if else สามารถทำให้เราตรวจสอบเงื่อนไขที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้
ตัวอย่างโดยเราจะทำการตรวจสอบค่าที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาว่าอยู่ในช่วงเลขไหนแล้วแบ่งเป็นเลขคู่หรือคี่อีกที
#include
int main() {
int number;
printf(“Enter a number: “);
scanf(“%d”, &number);
if(number > 0) {
if(number % 2 == 0) {
printf(“The number is positive even.”);
}
else {
printf(“The number is positive odd.”);
}
}
else {
if(number % 2 == 0) {
printf(“The number is negative even.”);
}
else {
printf(“The number is negative odd.”);
}
}
return 0;
}
ในที่นี้โปรแกรมจะทำการตรวจสอบก่อนว่าตัวเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นบวกหรือลบ ถ้าเป็นบวก โปรแกรมจะตรวจสอบว่าเป็นเลขคู่หรือคี่ และแจ้งผลลัพธ์ออกทางหน้าจอตามลักษณะที่ต้องการ เช่น “The number is positive even.” หากเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นบวกและเป็นเลขคู่ หากไม่เป็นบวก โปรแกรมจะใช้คล้ายกันเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเลขคู่หรือคี่และแจ้งผลลัพธ์ตามนั้น
วิธีการใช้ ternary operator ในภาษา C เพื่อแทน if else ในรูปแบบย่อ
Ternary operator หรือ ?: เป็นตัวย่อของ if else ในรูปแบบย่อ โดยใช้เครื่องหมาย ? เพื่อตรวจสอบเงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง เครื่องหมาย : จะถูกใช้เป็นตัวแบ่งระหว่างเงื่อนไขที่เป็นจริงกับเงื่อนไขที่เป็นเท็จ
ตัวอย่างแสดงการใช้ ternary operator เพื่อตรวจสอบว่าเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นบวกหรือลบ
#include
int main() {
int number;
printf(“Enter a number: “);
scanf(“%d”, &number);
(number > 0) ? printf(“The number is positive.”) : printf(“The number is negative.”);
return 0;
}
ในที่นี้เราใช้ ternary operator เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขว่าตัวเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นบวกหรือลบ ถ้าเป็นบวก โปรแกรมจะแสดงข้อความ “The number is positive.” หากไม่เป็นบวก โปรแกรมจะแสดงข้อความ “The number is negative.”
วิธีการใช้ switch case ในภาษา C เพื่อทำงานตามเงื่อนไขหลายรูปแบบ
โครงสร้าง switch case ใช้สำหรับการตรวจสอบค่าและทำงานตามเงื่อนไขที่มีหลายรูปแบบ โปรแกรมจะทำงานตาม case ที่สอดคล้องกับค่าคงที่ที่ระบุ เมื่อพบค่าที่ตรงกันแล้ว โปรแกรมจะผ่านไปยัง case ถัดไปและทำงาน ถ้าไม่มี case ใดเป็นจริงเลย default case จะถูกเรียกใช้
ตัวอย่างโดยเราจะกำหนดว่าเดือนที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นเดือนอะไร
#include
int main() {
int month;
printf(“Enter a month (1-12): “);
scanf(“%d”, &month);
switch(month) {
case 1:
printf(“January”);
break;
case 2:
printf(“February”);
break;
case 3:
printf(“March”);
break;
case 4:
printf(“April”);
break;
case 5:
printf(“May”);
break;
case 6:
printf(“June”);
break;
case 7:
printf(“July”);
break;
case 8:
printf(“August”);
break;
case 9:
printf(“September”);
break;
case 10:
printf(“October”);
break;
case 11:
printf(“November”);
break;
case 12:
printf(“December”);
break;
default:
printf(“Invalid month”);
}
return 0;
}
ในที่นี้โปรแกรมจะใช้ switch case เพื่อตรวจสอบค่าที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเพื่อแสดงชื่อของเดือนที่สอดคล้องกับค่าที่ระบุ เช่นถ้าผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็น 1 โปรแกรมจะแสดงข้อความ “January” ออกทางหน้าจอ ถ้าไม่มี
สอนภาษาซี C: การใช้คำสั่ง If … Else เพื่อตรวจสอบเงื่อนไข (ตอนที่ 1)
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ภาษา c if else ตัวอย่าง โจทย์ if-else, คําสั่ง if else, คำสั่ง if, If else C คือ, คําสั่ง if else if, If else if คือ, If else, คําสั่ง if excel
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ภาษา c if else

หมวดหมู่: Top 77 ภาษา C If Else
ดูเพิ่มเติมที่นี่: tuekhangduong.com
ตัวอย่าง โจทย์ If-Else
การใช้ if-else เป็นหนึ่งในโครงสร้างควบคุมพื้นฐานที่สำคัญในการโปรแกรมด้วยภาษาไทย โดย if-else ช่วยให้เราสามารถทำให้โปรแกรมตรวจสอบเงื่อนไขและดำเนินการตามเงื่อนไขโดยอัตโนมัติได้
โครงสร้าง if-else จะมีรูปแบบดังนี้:
“`python
if เงื่อนไข:
# คำสั่งที่จะทำงานถ้าเงื่อนไขเป็นจริง
else:
# คำสั่งที่จะทำงานถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ
“`
ให้เรามาดูตัวอย่างการใช้งาน if-else ในภาษาไทย
ตัวอย่าง 1: โปรแกรมคำนวณเกรดของนักเรียน
“`python
คะแนน = float(input(“กรุณาใส่คะแนนของคุณ: “))
if คะแนน >= 80:
เกรด = “A”
elif คะแนน >= 70:
เกรด = “B”
elif คะแนน >= 60:
เกรด = “C”
elif คะแนน >= 50:
เกรด = “D”
else:
เกรด = “F”
print(“เกรดของคุณคือ:”, เกรด)
“`
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ if-else เพื่อตรวจสอบคะแนนของนักเรียน และกำหนดเกรดตามคะแนนที่ได้รับ ถ้าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 80 จะได้เกรด A ถ้าคะแนนอยู่ในช่วง 70-79 จะได้เกรด B และอย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขใดเลย จะได้เกรด F
ตัวอย่าง 2: โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่-คี่
“`python
number = int(input(“กรุณาใส่เลข: “))
if number % 2 == 0:
print(“เลขนี้คือเลขคู่”)
else:
print(“เลขนี้คือเลขคี่”)
“`
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ if-else เพื่อตรวจสอบว่าเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ ถ้าเลข modulo 2 ให้เท่ากับ 0 แสดงว่าเลขนั้นเป็นเลขคู่ ในทางกลับกัน ถ้าไม่เป็นเงื่อนไขเหล่านี้จะแสดงว่าเลขนั้นเป็นเลขคี่
ตัวอย่างการใช้งาน if-else ในภาษาไทยข้างต้นนั้นเป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น และจริงๆ แล้ว if-else นั้นสามารถนำมาใช้ได้ในหลายๆ กรณี เช่นการตรวจสอบรหัสผ่าน การคำนวณเงินเดือน การตรวจสอบเงื่อนไขทางธุรกิจ เป็นต้น
ข้อคำถามที่พบบ่อย (FAQs)
คำถามที่ 1: เราสามารถใช้ if-else แบบมีหลายเงื่อนไขได้หรือไม่?
ตอบ: สามารถใช้ if-else แบบมีหลายเงื่อนไขได้ โดยใช้คำสั่ง elif เพื่อเพิ่มเงื่อนไขที่ต้องการตรวจสอบเพิ่มเติม ถ้าเงื่อนไข if ไม่เป็นจริง โปรแกรมจะทำการตรวจสอบเงื่อนไข elif และหากไม่เข้าเงื่อนไขใดเลย โปรแกรมจะทำงานในส่วนของ else
คำถามที่ 2: เราสามารถใช้ if-else โดยไม่ต้องมีส่วนของ else หรือไม่?
ตอบ: ใช่ สามารถใช้ if-else โดยไม่มีส่วนของ else ได้ ถ้าไม่ต้องการให้โปรแกรมทำอะไรเมื่อเงื่อนไข if เป็นเท็จ สามารถเพิ่มเงื่อนไข elif หรือใช้ if ต่อจาก if เดียวกันได้เลย
คำถามที่ 3: เราสามารถใช้เงื่อนไขซ้อนกันใน if-else ได้หรือไม่?
ตอบ: ใช่ เราสามารถใช้เงื่อนไขซ้อนกันใน if-else ได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถทำการตรวจสอบเงื่อนไขภายในเงื่อนไขอื่นๆ ได้ โดยการนำ if-else ไปใช้งานในส่วนของคำสั่งของ if-else อื่นๆ
ในสรุป if-else เป็นโครงสร้างควบคุมที่สำคัญในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไทย ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบเงื่อนไขและดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างอัตโนมัติได้ และสามารถนำไปใช้งานในหลายๆ กรณีที่ต้องการตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ ในโปรแกรมของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คําสั่ง If Else
คําสั่ง if else เป็นหนึ่งในคำสั่งที่สำคัญในการเขียนโปรแกรมทั้งในภาษาไทยและภาษาอื่นๆ คำสั่ง if else ช่วยให้โปรแกรมสามารถตัดสินใจและกระทําการตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ เพื่อให้โปรแกรมทํางานได้อย่างยืดหยุ่นและปรับปรุงทํางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การใช้งานคําสั่ง if else ในภาษาไทยมีรูปแบบดังนี้:
“`
ถ้า (เงื่อนไข){
คําสั่งที่จะทําเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
}
มิฉะนั้น{
คําสั่งที่จะทําเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ
}
“`
ในตัวอย่างข้างต้นจะมองเงื่อนไขอย่างง่าย แต่คุณสามารถเพิ่มเงื่อนไขตามที่คุณต้องการได้ เงื่อนไขสามารถใช้ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ เช่น `==` (เท่ากับ), `>=` (มากกว่าหรือเท่ากับ), `<=` (น้อยกว่าหรือเท่ากับ) เป็นต้น เหมาะสําหรับกรณีที่คุณต้องการทํางานตามเงื่อนไขที่ทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้งานคําสั่ง if else:
```python
อายุ = 18
ถ้า (อายุ >= 18){
พิมพ์(“สามารถเข้าสํานักงานได้”)
}
มิฉะนั้น{
พิมพ์(“ไม่สามารถเข้าสํานักงานได้”)
}
“`
ในตัวอย่างนี้เราต้องการตรวจสอบว่าอายุของผู้ใช้มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 18 หรือไม่ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะพิมพ์ “สามารถเข้าสํานักงานได้” แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ โปรแกรมจะพิมพ์ “ไม่สามารถเข้าสํานักงานได้”
คำสั่ง if else สามารถมีเงื่อนไขหลายเงื่อนไขต่อเนื่องกันได้ด้วยคำสั่ง elseif ซึ่งมีรูปแบบดังนี้:
“`
ถ้า (เงื่อนไข1){
คําสั่งที่จะทำเมื่อเงื่อนไข1เป็นจริง
}
มิฉะนั้นถ้า (เงื่อนไข2){
คําสั่งที่จะทำเมื่อเงื่อนไข2เป็นจริง
}
มิฉะนั้นถ้า (เงื่อนไข3){
คําสั่งที่จะทำเมื่อเงื่อนไข3เป็นจริง
}
…
มิฉะนั้น{
คําสั่งที่จะทำเมื่อเงื่อนไขทั้งหมดเป็นเท็จ
}
“`
ตัวอย่างการใช้งานคำสั่ง if else พร้อมกับ elseif:
“`python
อายุ = 18
ถ้า (อายุ < 18){
พิมพ์("ไม่สามารถเข้าสํานักงานได้")
}
มิฉะนั้นถ้า (อายุ >= 18 และ อายุ < 60){
พิมพ์("สามารถเข้าสํานักงานได้")
}
มิฉะนั้นถ้า (อายุ >= 60){
พิมพ์(“อายุถึงเกณฑ์การเข้าสํานักงาน”)
}
“`
ในตัวอย่างนี้หากอายุของผู้ใช้น้อยกว่า 18 โปรแกรมจะพิมพ์ “ไม่สามารถเข้าสํานักงานได้” ถ้าอายุอยู่ระหว่าง 18 ถึง 59 โปรแกรมจะพิมพ์ “สามารถเข้าสํานักงานได้” และหากอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 60 โปรแกรมจะพิมพ์ “อายุถึงเกณฑ์การเข้าสํานักงาน”
FAQs (คําถามที่พบบ่อย)
คำสั่ง if else สามารถใช้งานได้อย่างไร?
เพื่อใช้งานคำสั่ง if else คุณต้องรู้สึกสบายเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและการใช้เงื่อนไข เริ่มต้นโดยใส่เงื่อนไขไว้ในวงเล็บเหลี่ยมหลังคำว่า “ถ้า” และใส่คำสั่งที่ต้องการให้โปรแกรมทําเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ในกรณีที่เงื่อนไขเป็นเท็จมีคำสั่งที่มีคีย์เวิร์ด “มิฉะนั้น” หลังจากนั้นใส่คำสั่งที่ต้องการให้โปรแกรมทํา
คําสั่ง elseif มีประโยชน์อย่างไร?
คำสั่ง elseif ช่วยให้คุณใช้เงื่อนไขหลายเงื่อนไขต่อเนื่องกันได้อย่างสะดวก คุณสามารถตั้งเงื่อนไขสำหรับแต่ละอายุเพื่อทำการพิจารณาแต่ละกรณีโดยอิงตามช่วงอายุของผู้ใช้ได้
สามารถใช้เงื่อนไขอื่นๆ กับคำสั่ง if else ได้หรือไม่?
ใช่ เงื่อนไขที่ใช้กับคำสั่ง if else สามารถซับซ้อนได้มากกว่าเพียงแค่ตรวจสอบค่าตัวแปรเดียว คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ เช่น `==`, `>=`, เป็นต้น เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขที่ซับซ้อนและทํางานตามนั้นได้
คุณควรที่จะใช้คำสั่ง if else หรือไม่?
คำสั่ง if else เหมาะสําหรับกรณีที่คุณต้องการให้โปรแกรมให้ตัดสินใจและทํางานตามเงื่อนไขที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อต้องการให้โปรแกรมเช็คอายุของผู้ใช้และกระทําการต่างๆ ตามอายุที่กำหนดไว้ เป็นต้น
การใช้พื้นฐานคําสั่ง if else เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการเขียนโปรแกรมทั้งในภาษาไทยและภาษาอื่นๆ โดยการใช้งานคำสั่ง if else ที่เหมาะสมให้โปรแกรมทํางานตามแผนที่คุณต้องการ จะทําให้โปรแกรมของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและปรับปรุงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำสั่ง If
ในการเขียนโปรแกรมหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ เราอาจจำเป็นต้องเขียนเงื่อนไขหรือการตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการให้โปรแกรมทำงานตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง คำสั่ง if เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถทำเช่นนั้นได้ ในภาษาไทยคำสั่ง if เรียกว่า “ถ้า” หรือ “ถ้าหาก” ซึ่งมีรูปแบบการเขียนดังนี้:
ถ้า (เงื่อนไข) แล้ว
ทำคำสั่งที่ 1
และ
ทำคำสั่งที่ 2
นอกเหนือจากนั้น
ทำคำสั่งที่ 3
ในบทความนี้เราจะสำรวจการใช้งานคำสั่ง if ในภาษาไทย รวมถึงอธิบายรายละเอียดของคำสั่ง if และปัญหาที่พบบ่อยเมื่อใช้งานคำสั่ง if
การใช้งานคำสั่ง if
คำสั่ง if ใช้สำหรับการตรวจสอบเงื่อนไขและทำให้โปรแกรมทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนด หากเงื่อนไขเป็นจริง (ค่าความจริงของเงื่อนไขเป็น True) โปรแกรมจะทำคำสั่งที่อยู่ในบล็อกของ if โดยใช้การ เว้นระยะห่าง (indentation) หรือการเว้นวรรค
ตัวอย่างการใช้งานคำสั่ง if ในภาษาไทย:
“`python
อายุ = 20
ถ้า อายุ >= 18 แล้ว
พิมพ์(“คุณสามารถเข้าสู่เว็บไซต์นี้ได้”)
และ
พิมพ์(“ยินดีต้อนรับ!”)
นอกเหนือจากนั้น
พิมพ์(“คุณไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์นี้ได้”)
“`
จากตัวอย่างข้างต้น หากเงื่อนไข (อายุ >= 18) เป็นจริง โปรแกรมจะทำการพิมพ์ “คุณสามารถเข้าสู่เว็บไซต์นี้ได้” และ “ยินดีต้อนรับ!” ออกทางหน้าจอ แต่ถ้าเงื่อนไขนั้นเป็นเท็จ โปรแกรมจะทำการพิมพ์ “คุณไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์นี้ได้” ออกทางหน้าจอ
คำแนะนำในการใช้งานคำสั่ง if
เพื่อให้โค้ดของเราเป็นประเภทที่ง่ายต่อการอ่านและการแก้ไข เราควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เมื่อเขียนคำสั่ง if:
1. ใช้การเว้นระยะห่าง (indentation) ให้ถูกต้อง เว้นวรรคให้ตรงกับบล็อกที่เกี่ยวข้อง โดยมีขนาดเดียวกับกัน ส่วนใหญ่ในภาษาไทย จะใช้การเว้นวรรค 1 หรือ 2 แท็บ
2. ในการสร้างเงื่อนไขควรประกอบด้วยเครื่องหมายเปรียบเทียบ เช่น ==, !=, <=, >= เป็นต้น ในการใช้งานการเปรียบเทียบ String ควรใช้เครื่องหมาย == ในการตรวจสอบความเท่ากัน
3. ควรปิดเงื่อนไขด้วยคำสั่ง else หรือ elif เพื่อกำหนดว่าจะมีการทำงานอย่างไรต่อเมื่อเงื่อนไขก่อนหน้าไม่เป็นจริง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคำสั่ง if
1. คำสั่ง if ใช้สำหรับการตรวจสอบเงื่อนไขอย่างไร?
คำสั่ง if ใช้สำหรับตรวจสอบค่าความจริงของเงื่อนไขที่กำหนด หากเงื่อนไขเป็นจริง (True) โค้ดในบล็อกของ if จะถูกทำงาน หากเงื่อนไขเป็นเท็จ (False) โค้ดในบล็อกของ else ถ้ามีจะถูกทำงานต่อ
2. ฉันควรใช้ if หรือ elif เมื่อต้องการตรวจสอบเงื่อนไขส่วนใด?
if ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไขเริ่มต้น ส่วน elif ใช้ตรวจสอบเงื่อนไขส่วนกลางหรือเงื่อนไขส่วนถัดไป และ else ใช้สำหรับเงื่อนไขสุดท้าย
3. จำเป็นต้องมี else หรือ elif ในคำสั่ง if ไหม?
ไม่จำเป็นต้องมี else หรือ elif ในบล็อกของ if การเลือกพิมพ์ข้อความหรือทำงานตามเงื่อนไขอื่นๆ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการของโปรแกรม
4. สามารถใช้ if แบบซ้อนกันได้หรือไม่?
ใช่ สามารถใช้งาน if แบบซ้อนกันได้ ซึ่งเรียกว่า nested if หรือ if-else ladder เป็นตัวอย่าง:
“`python
ถ้า อายุ >= 18 แล้ว
ถ้า เพศ == “ชาย” แล้ว
พิมพ์(“คุณเป็นผู้ชายแก่”)
ถ้าหรือ เพศ == “หญิง” แล้ว
พิมพ์(“คุณเป็นผู้หญิงแก่”)
นอกเหนือจากนั้น
พิมพ์(“คุณไม่ใช่ผู้ชายแก่หรือผู้หญิงแก่”)
“`
ในตัวอย่างข้างบน เรามี if ซ้อนกัน โดยมีเงื่อนไขเพศที่ต้องเป็นผู้ชายแก่หรือผู้หญิงแก่เท่านั้น เมื่อเงื่อนไขเป็นจริงก็จะมีการแสดงผลต่างกันไป
สรุป
คำสั่ง if เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไขและทำให้โปรแกรมทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนด ในภาษาไทยเรียกว่า “ถ้า” หรือ “ถ้าหาก” โดยใช้เครื่องหมายวิธีการโค้ดนำหน้าการทำงานในบล็อกของ if หากเงื่อนไขเป็นจริง นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ if แบบซ้อนกันหรือ if-else ladder เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขรูปแบบซับซ้อนได้อีกด้วย
มี 14 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ภาษา c if else.

















![Arai-D] ภาษา C เบื้องต้น ฉบับเข้าใจง่าย #9 : โจทย์พร้อมเฉลย if-else - YouTube Arai-D] ภาษา C เบื้องต้น ฉบับเข้าใจง่าย #9 : โจทย์พร้อมเฉลย If-Else - Youtube](https://i.ytimg.com/vi/nSp02TBNWRc/maxresdefault.jpg)















![Arai-D] ภาษา C เบื้องต้น ฉบับเข้าใจง่าย #9 : โจทย์พร้อมเฉลย if-else - YouTube Arai-D] ภาษา C เบื้องต้น ฉบับเข้าใจง่าย #9 : โจทย์พร้อมเฉลย If-Else - Youtube](https://i.ytimg.com/vi/nSp02TBNWRc/maxresdefault.jpg)













ลิงค์บทความ: ภาษา c if else.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ภาษา c if else.
- การใช้งานคำสั่ง if else ในภาษา C++ – สอนเขียนโปรแกรม C++
- คำสั่ง if และ if-else – บทเรียนออนไลน์การเขียนโปรแกรมภาษา C
- คำสั่งควบคุมเงื่อนไข – การเขียนโปรแกรมภาษาซี (C-Programs)
- if(เงื่อนไข){ คําสั่งเมื่อเงื่อนไขเป นจริง } == เท !
- หน่วยที่ 7 การตรวจสอบเงื่อนไข และเลือกการทางานของโปรแกรม
- คำสั่ง if และ switch – ครูไอที
- คำสั่ง if else ภาษาซี c programming – วุฒิชัย แม้นรัมย์
ดูเพิ่มเติม: tuekhangduong.com/category/television